fbpx

สถาบันกายจิต ศูนย์รวมหลักสูตรฝึกอบรมเ พื่อพัฒนาบุคลากรและสร้างความแข็งแกร่งให้กับจิตใจ
Spiritual Therapies | Compassion | Releif

แบ่งปันความรู้ : 

แบ่งปันความรู้ : 

เมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก World Most Liveable City

ช่วงนี้หลายๆคนรู้สึกมีความหวังมากขึ้นกับกรุงเทพจากผู้ว่าท่านใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงาน ผมก็เป็นคนหนึ่งที่รู้สึกตื่นเต้นมากเหมือนกันกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะถ้าว่ากันตามตรงกรุงเทพเป็นเมืองที่ไม่ได้เหมาะกับการอยู่ แต่เหมาะกับการมาเที่ยวมากกว่าในมุมมองของผม
อาจจะด้วยที่ผมเป็นคนหนึ่งที่มีอาชีพที่ได้เดินทางไปเห็นเมืองหลายๆเมืองในหลายๆประเทศ หลายๆครั้งที่ไปเจอเมืองที่ออกแบบมาเพื่อการดำเนินชีวิตแล้วก็รู้สึกอิจฉา เพราะกรุงเทพนั้นถ้าเทียบกับเมืองเหล่านั้นแล้วก็ยังต้องพัฒนาอีกเยอะ
ถ้าหากจะพิจารณาเรื่องความน่าอยู่แล้ว ผมก็เพิ่งเห็นการจัดอันดับเมืองน่าอยู่ของ the economist (EIU) ที่ทำทุกปี โดยที่เกณการพิจารณาของเขาคือให้ผู้เชียวชาญพิจารณาปัจจัย 5 ประการ ประกอบไปด้วย ความมั่นคง , สาธารณสุข , วัฒนธรรมและสภาพแวดล้อม , การศึกษา และสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน โดยที่แต่ละเกณฑ์จะถูกให้คะแนน 1-100 คะแนน และนำคะแนนรวมมาจัดอันดับความน่าอยู่ โดยในปีที่ผ่านมา (2021) เมืองเวียนนาประเทศ ออสเตรีย เป็นประเทศที่ได้อันดับ 1 ไปครอง ตามมาด้วยโคเปนเฮเก้น และ ซูริค โดยที่เวียนนานั้นได้คะแนนเต็ม 100 ถึงสี่ปัจจัย ยกเว้น วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม ในขณะที่โคเปนเฮเก้น นั้นได้เต็มร้อย สามปัจจัย ยกเว้น สาธารณสุข และ วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว ผมก็คิดว่าทั้งสามเมืองเป็นเมืองที่น่าอยู่มากจริงๆ แต่ในฐานะชาวต่างชาติ ผมจะรู้สึกว่าโคเปนเฮเก้นน่าอยู่ที่สุดในสามอันดับนั้น อาจจะเป็นเพราะในแง่ของสาธารณสุขเราไม่ค่อยได้มีโอกาสสัมผัสมากนักเลยไม่เข้าใจ โดยที่กรุงเทพนั้นรายงานไม่ได้บอกรายละเอียดว่าอยู่เท่าไร แต่ index value ตาม heatmap เราจะสังเกตได้ว่าอยู่ที่ index 60-70 จาก index ของเมืองที่น่าอยู่ที่เต็ม 100
โดยที่ถ้าถามผมในฐานะที่เป็นคนชนชั้นกลางธรรมดาๆคนหนึ่ง การประเมินคุณภาพของกรุงเทพ ก็คงไม่ผิดเพี้ยนไปจากคะแนนนั้นมากนัก แต่ถ้าหากถามคนที่ต้องลำบากกว่าผม เขาอาจจะให้ index ของเมืองอยู่ในระดับต่ำกว่านี้ก็ได้ ซึ่งมันก็คงไม่แปลกอะไร เพราะถ้าเราลองพิจารณาดูดีๆแล้ว ถ้าหากเราเป็นมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่ง ชีวิตประจำวันเราคงหนีไม่พ้น นอน เดินทาง ทำงาน แค่นั้นก็หมดเวลาชีวิตแล้ว ซึ่งสามอย่างนี้ทำได้ยากในหลายๆคนที่อยากจะอยู่ในกรุงเทพ
ถ้าคุณอยากจะประหยัดเวลาเดินทางลงนิดหน่อยคุณอาจจะต้องจ่ายเงินค่าทางด่วนหรือนั่ง BTS ซึ่งคนหลายๆกลุ่มเขาไม่มีโอกาสเข้าถึง ถ้าถามถึงที่อยู่อาศัยใกล้ที่ทำงานยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยในคนกลุ่มนั้น แตกต่างจากเมืองหลายๆเมืองที่ทุกคนโอกาสเข้าถึงการเดินทางที่มีคุณภาพมีเท่าเทียมกัน
ถ้าคุณป่วยคุณอาจจะต้องจ่ายแพงเพื่อเข้าโรงพยาบาลเอกชนเพื่อประหยัดเวลา ในขณะที่คนอีกกลุ่มต้องตื่นตีสี่เพื่อต่อคิวที่ไม่รู้จะมีไหมในการเข้าโรงพยาบาลรัฐ หรือถ้าวันหยุดคุณอยากจะหาที่พักผ่อนนอกบ้านคุณก็คงต้องไปเดินห้าง ถ้าหากใครเคยไปเมืองที่น่าอยู่ 10 อันดับแรก ผมเชื่อเลยว่า ถ้าคุณไม่ใช่ขาช้อป คุณไม่อยากไปเดินห้างหรอก เพราะสถานที่พักผ่อนในเมืองมันมีมากมาย และน่าไปกว่าห้างไปไหนต่อไหน
หรือแม้กระทั่งการศึกษาเองทุกวันนี้ สถานศึกษาในบ้านเราก็แบ่งสังคมชนชั้นไว้อย่างชัดเจนมากเกินไป ดังนั้นเราจะเห็นว่ากรุงเทพมันน่าอยู่เฉพาะกับคนที่มีเงิน
สิ่งที่ผมอยากจะพยายามสื่อก็คือ ปัญหาของกรุงเทพจริงๆมันมีสะสมมานานแล้ว แต่ว่าหลายๆปัญหาพอไม่มีใครลงไปดูที่ต้นตอ เพราะเราอาจจะชินหรือไม่รู้สึกอะไรเพราะเราไม่ได้ลำบากมาก แต่ถ้าลงไปดูที่ชุมชน ลงไปดูที่คน การแก้ปัญหามันก็เลยไม่เคยตรงจุด เราได้ยินแต่คำสวยหรูแต่ไม่เคยเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน วันนี้กรุงเทพเริ่มเห็นแสงสว่างจากคนที่เข้าใจและเข้าถึงปัญหามากที่สุดครั้งนึง ที่ผ่านมาเราไม่เห็นปัญหาเราเลยไม่รู้ว่ามันต้องแก้ปัญหาอะไร ผมเชื่อว่าความน่าอยู่ของเมืองส่วนหนึ่งเกิดจากความเท่าเทียมของคน
วันนี้เราเห็นผู้นำคนใหม่ที่เห็นปัญหา ถึงแม้ว่าเรายังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่อย่างน้อยเราได้คนที่ช่วยเอาปัญหามาตีแผ่และช่วยกันหาแนวร่วม เรากำลังเห็น Silo ของกระบวนการทำงานถูกทะลายลง เราเริ่มได้คนกลับมามีความหวังกับเมืองที่เขาอยู่มาตลอดชีวิต มันอาจจะเริ่มจาการทำให้ชุมชนน่าอยู่ เป็นเมืองที่น่าอยู่ และการสร้างมาตรฐานในการทำงานของผู้นำคนใหม่อาจจะทำให้หลายองค์กรตื่นตัวมากขึ้นจนทำให้รู้ว่าจริงๆแล้วกรุงเทพยังไม่หมดหวัง แค่รอเพียงเวลาปลดปล่อยศักยภาพ ซึ่งผมก็เป็นคนนึงที่มีความหวังมากขึ้นว่ากรุงเทพจะเป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคนได้สักวันจริงๆ
Ref (เขียน) :  Kanat Rattananiyompan
https://pages.eiu.com/…/liveability-index-2022.pdf…